(ภาพนักรบเปอร์เซีย)
จุดกำเนิดก่อนมาที่อิตาลีเริ่มต้นในสมัยจักรวรรดิเปอร์เซีย (550-330 ปีก่อน ค.ศ.) นักรบจักรวรรดิเปอร์เซีย มีการใช้อาวุธป้องกันอย่างโล่ มาเป็นเครื่องครัวชั่วคราว โดยใช้เป็นเขียงสำหรับนวดแป้งในการทำพิซซ่า หลังจากนั้นก็ก่อไฟด้านล่างของโล่ เพื่อเป็นกระทะหรือเตาสำหรับอบแป้งพิซซ่าให้สุก หลังจากนั้นก็จะโรยด้านบนของพิซซ่าด้วยเนยแข็งและผลอันทผลัม ด้วยวิธีการประยุกต์ใช้อุปกรณ์นี้เอง ทำให้เหล่านักรบเปอร์เซีย สามารถเติมเสบียงให้กับท้องได้ แม้กระทั่งอยู่ระหว่างทำการรบอยู่
ต่อมาชาวกรีกมีชัยเหนือชาวเปอร์เซีย และชาวโรมันก็มีชัยเหนือชาวกรีกทำให้พิซซ่านั้น จากเปอร์เซียสู่กรีก และสู่โรมัน
(ภาพขนมปังในเมืองปอมเปอี)
พิซซ่าในอิตาลีตั้งแต่สมัยจักรวรรดิโรมันในศตวรรษที่ 3 ก่อน ค.ศ. เมื่อนักเขียน Porcius Cato Marcus ที่กล่าวถึงในหนังสือของเขาไว้ว่า "กลมแบนของแป้งแต่งตัวด้วยน้ำมันมะกอกสมุนไพรและน้ำผึ้งอบบนหิน" ในสมัยนั้นเรียกกันว่า Placenta
(ภาพภูเขาไฟวิซุเวียส ระเบิด)
ในปี ค.ศ. 79 เมื่อภูเขาไฟวิซุเวียส ได้ระเบิดขึ้นและทำลายเมืองปอมเปอี หลังจากนั้นประมาณปี ค.ศ. 640 แกตาโน ฟิโอเรลลี่ ได้ค้นพบเตาฟืนโบราณจำนวนมากมายในซากปรักหักพังของเมือง ที่ถูกลาวาถล่ม หนึ่งในจำนวนเตาทั้งหมดนั้นพบว่ามีเถ้าถ่านขนมปังติดอยู่ในเตาอยู่ถึง 7 กิโลกรัม ซึ่งเป็นหลักฐานว่าทหารโรมันในช่วงเวลาดังกล่าว (ก่อนเมืองปอมเปอีจะถูกถล่มด้วยลาวาและเถ้าภูเขาไฟ) ต่างกินขนมปังที่อบด้วยเตาฟืนโบราณนี้ ซึ่งสันนิษฐานได้ว่าชาวเมือง ในเมืองนาโปลีก็ทานขนมปังที่อบในเตาฟืนโบราณเช่นนี้มาประมาณ 700 ปีแล้ว
(ภาพเตาอบขนมปังด้วยฟืน ที่เมืองปอมเปอี)
เวลาผ่านไป(เมื่อประมาณ 200 ปีที่ผ่านมานี้) เมืองนาโปลี ได้กลายเป็นต้นกำเนิดของพิซซ่าสมัยใหม่ โดยมีร้านพิซซ่าแห่งแรกชื่อพอร์ต อัลบ้า (Port’ Alba) และก็มีอีกหลายๆร้านเปิดตามมา พิซซ่าชาวนาโปลีจะอบในเตาที่ก่อด้วยหิน จากภูเขาไฟเวซุเวียส เนื่องจากกระจายความร้อนได้สม่ำเสมอ และใช้ฟืนเป็นเชื้อเพลิง
ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16 ในยุโรปมะเขือเทศเชื่อกันว่าเป็นผลไม้เป็นพิษ แต่คนยากจนของเนเปิลส์ใช้เป็นส่วนผสมในการทำอาหารจานขนมปังที่ใช้ยีสต์นี้แบนและได้รับความนิยมมาก มันเป็นในคริสต์ศตวรรษที่ 17 เมื่อพิซซ่ากลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในเนเปิลส์ ผู้เข้าชมจากสถานที่อื่น ๆ จะไปภูมิภาคที่ยากจนของเนเปิลส์เพียงเพื่อทดลองใช้เฉพาะในท้องถิ่นที่เรียกว่า "อาหารคนจน”
จนกระทั่งในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18 มีนักวาดภาพชาวฝรั่งเศส ผู้หนึ่งนึกอยากลองลิ้มรสชาติของมะเขือเทศ เขาคิดอยู่ในใจว่า “ผลไม้ที่สวยงามเช่นนี้ ลักษณะก็สวยดี ว่าตามเหตุแล้ว คงจะน่ากินไม่น้อย” เขาจึงตัดสินใจลองทานมะเขือเทศดู หลังจากที่ท่านไปแล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ประชาชนทั่วไปก็เริ่มทานมะเขือเทศกันบ้าง มะเขือเทศเลยกลายเป็นอาหารในครัวตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และในปี ค.ศ.1811 ก็มีการบันทึกลงในพจนานุกรมทางพฤกษศาสตร์ เป็นครั้งแรก และในที่สุดพิซซ่าก็ได้ใส่มะเขือเทศลงไป
(พระบรมสาทิสลักษณ์ สมเด็จพระราชินีมาเกอริต้าแห่งซาวอย)
ส่วนชีสเริ่มเข้ามามีอิทธิพลในอาหาร แต่ชีสดังกล่าวไม่ใช่ชีสปกติธรรมดาทั่วไป เป็นชีสที่ทำจากน้ำนมควายพื้นเมืองที่ ต่อมา ประมาณปี ค.ศ. 1889 จึงเกิดพิซซ่ามาเกอริต้าขึ้นโดย ราฟาเอล เอสโปสิโต แห่งเมืองเนเปิล ซึ่งได้ทำพิซซ่าถวายเมื่อคราวที่สมเด็จพระราชาธิบดีอุมแบร์โตที่ 1 และสมเด็จพระราชินีมาเกอริต้า แห่งซาวอย ได้เสด็จเยือนเมืองเนเปิล โดยใช้สีบนหน้าพิซซ่าแทนสัญลักษณ์ของธงชาติอิตาลี โดยใช้ใบโหระพาแทนสีเขียว ใช้มอสซาเรลล่าชีสแทนสีขาวและมะเขือเทศแทนสีแดง และตั้งชื่อพิซซ่าเพื่อเป็นเกียรติแด่พระราชินีว่า มาเกอริต้า ซึ่งพระนางก็ได้ทรงพระอนุญาตให้ใช้ชื่อพระนางเป็นชื่อของพิซซ่าเมื่อปี ค.ศ. 1889 ซึ่งพิซซ่าดังกล่าวได้กลายเป็นมาตรฐาน ของพิซซ่าในปัจจุบัน ซึ่งพิซซ่าในปัจุบันโดยทั่วไปต่างก็ดัดแปลงหน้ามาจากพิซซ่า 2 ชนิดนี้ ซึ่งเป็นพิซซ่าดั้งเดิมของชาวนาโปลี คือมารีนาราพิซซ่าและมาเกอริต้าพิซซ่า
(ชีสจากนมควายพื้นเมือง)
ประวัติพิซซ่าในประเทศไทยPizza มีความหมายว่า a point ซึ่งแปลว่า จุด,จุดหนึ่ง,หน่วย,หน่วยหนึ่ง แต่ในภาษาอิตาลี คำว่า a point หมายถึง Pizzacare ที่แปลว่า หยิก กัด หรือจับ พอช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ชาวอเมริกันก็หัดทำพิซซ่าทานกันบ้าง จนได้สูตรแบบอเมริกัน และแพร่หลายไปทั่วโลก ต่อมาในปี พ.ศ. 2503 ได้เกิดเกิดสงครามเวียดนาม ทหารอเมริกันได้เข้ามาตั้งฐานทัพในประเทศไทย และได้นำเอาวัฒนธรรมการทานพิซซ่าเข้ามาด้วยแต่ยังไม่เป็นที่แพร่หลายนัก สมัยนั้นต้องไปทานกันตามโรงแรม และห้องอาหารอิตาเลียนเท่านั้น แต่เมื่อประมาณ พ.ศ. 2523 ร้านพิซซ่าฮัท ได้ถือกำเนิดขึ้น ทำให้พิซซ่าเริ่มเป็นที่รู้จักในหมู่คนไทยมากขึ้น
จาก
en.wikiepdia.org
th.wikipedia.org
bell-isabella.exteen.com
www.kmonic.comwww.pizzahut.co.thwww.wechampion.comwww.zabzaa.com