ตำนานในสมัยพุทธกาลน่าจะมีการทำขนมเบื้องแล้ว เพราะในหนังสือ "ธรรมบทเผด็จ" กล่าวถึงเศรษฐีโกสิยะซึ่งเป็นคนตระหนี่อยากกินขนมเบื้อง จึงให้ภรรยาขึ้นไปทำขนมเบื้องบนปราสาทชั้นเจ็ดเพื่อจะได้ไม่ต้องแบ่งให้ใคร พระพุทธเจ้า จึงให้พระโมคคัลลานะไปขอรับบิณฑบาตรขนมเบื้อง เศรษฐีให้ทอดขนมชื้นเล็กๆถวาย แต่ทุกครั้งที่ละเลงแป้ง แป้งจะฟูขึ้นเต็มกระทะ เมื่อเสียดายให้ทำใหม่ก็เป็นแบบเดิมทุกครั้ง สุดท้ายเศรษฐีจึงละความพยายาม ยอมถวายขนมเบื้องไป พระโมคคัลลานะจึงเทศน์เรื่องโทษของความตระหนี่ เศรษฐีและภรรขาได้บรรลุธรรมทั้งคู่ และเปลี่ยนมาเป็นคนใจบุญ
ประวัติขนมเบื้อง
ขนมเบื้องเป็นขนมไทยที่มีหลักฐานมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา มีหลักฐานกล่าวถึงในคำให้การขุนหลวงหาวัดว่า "บ้านหม้อปั้นหม้อข้าวหม้อแกงใหญ่เล็ก และกระทะเตาขนมครกขนมเบื้อง" ขนมเบื้องมี 2 แบบคือ
1.ขนมเบื้องไทย โดยทั่วไปมี 2 หน้าคือหน้ากุ้งและหน้าหวาน หน้ากุ้งใช้กุ้งแม่น้ำตัวโตสับละเอียดผสมกับพริกไทยและผักชีตำพร้อมมันกุ้ง นำไปผัดใส่น้ำตาล น้ำปลาหรือเกลือให้หอม ปัจจุบันมักเป็นหน้ามะพร้าวใส่สีแดง ส่วนหน้าหวานมีส่วนผสมของฟักเชื่อม ฝอยทองและพลับแห้งที่หั่นบางๆ ปัจจุบันมีแต่ฝอยทองกับครีม หรือแม้แต่จะใส่พวกน้ำตาลสีหรือเยลลี่ลงไปอีกด้วย อย่างไรก็ตามในวังสวนสุนันทา มีหน้าหมูอีกอย่างหนึ่ง ใช้หมูสับคลุกคล้ากับกระเทียม พริกไทย รากผักชีโขลก ใส่พริกขี้หนู นำไปรวนพอสุก โดยขนมเบื้องไทย เพิ่งเกิดขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา โดย ท้าวทอง กีบม้า ดัดแปลงมาจากอาหารของสเปน โปรตุเกสที่เรียกว่า "ทาโก" (Taco) ซึ่งอาหารชนิดนี้ถือกำเนิดจริงในเม็กซิโก
2.ขนมเบื้องญวน เป็นขนมที่เข้ามาพร้อมกับเชลยชาวญวนในสมัยรัชกาลที่ 3 ซึ่งถูกกวาดต้อนมาระหว่างสงครามสยาม-เวียดนาม ขนมนี้ทำจากแป้งละลายกับไข่ให้ข้น ตักแป้งเทลงในกระทะที่ทาน้ำมันไว้ แผ่เป็นแผ่นกลม ใส่ไส้แล้วพับกลาง ชาวสยามเรียนรู้จากเชลยญวนที่จับมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 เจ้าพระยาบดินทร์เดชารบศึกเขมรชนะญวนก็เลยเอามาเป็นเชลย แล้วเชลยญวนก็เลยสอนทำขนมนี้ให้ สมัยก่อนเรียกว่า "ขนมเบื้องเชลย" เสียด้วยซ้ำ
จาก
en.wikipedia.org
www.manager.co.th(ภาพทาโก้ของสเปน โปรตุเกส เม็กซิโก)