ผ้าม่วงไม่ได้ทำในสยาม แต่ให้ตัวอย่างสั่งทำมาแต่เมืองจีนใช้ในไทยเท่านั้นจีนไม่ใช้นุ่งเลยใช้เป็นผ้าสำหรับเจ้านายและข้าราชการนุ่งห่มเป็นยศแทนสมปักอย่างเดิมเวลาเข้าเฝ้าณพระที่นั่งเวลาออกแขกเมืองใหญ่หรือมีการใหญ่พระราชทานพระกฐินเวลาแต่งเต็มยศอย่างใหญ่ก็ให้พระบรมราชวงศานุวงศ์แต่งผ้าม่วงที่สั่งจากประเทศจีนเข้ามาใช้นั้น ผ้าม่วงเป็นผ้าที่ทอมาจากโรงงานในเมือง "หม่วง" มณทลเซี่ยงไฮ้ประเทศจีน ชื่อก็เลยถูกเรียกเพี้ยนออกมาเป็นผ้าม่วงเหมือนที่คนไทยเรียกผ้าที่ทอมาจากแคว้น "กุศราจ" ในอินเดียว่าผ้า "กุสราด"
ผ้าม่วงจึงหมายถึงชื่อของผ้าไม่ได้หมายถึงสีของผ้าแต่อย่างใดเป็นผ้าที่มีเนื้อเป็นแพรไหมละเอียด คนจีนเรียกว่าหม่องมีหลายสีเช่นสีแดงสีเหลืองและสีน้ำเงินสมัยก่อนเป็นผ้าที่ขุนนางสวมเวลาเข้าเฝ้าในพระบรมมหาราชวังต่อมาก็ใช้สวมไปทำงานในกระทรวงและสวมไปในพิธีต่างๆผ้าม่วงนี้จะมีสีหนึ่งที่ใช้เฉพาะพระเจ้าอยู่หัวคือสีแดงเช่นผ้าทรงโจงสีแดง จะใช้เฉพาะพระเจ้าอยู่หัวเท่านั้นสามัญชนธรรมดาไม่สามารถใช้ได้ ระยะต่อมาผ้าม่วงหมายถึงผ้าที่นุ่งเป็นโจงกับเสื้อราชประแตนทอในไทยก็มากเช่นผ้าหางกระรอกที่ทอในหลายจังหวัดและไม่จำเป็นต้องเป็นสีพื้นแล้วนะครับ
ผ้าม่วงที่แต่ก่อนว่าดีคือผ้าม่วงเซี่ยงไฮ้ ส่วนผ้าม่วงไหมเนื้อดีแถมมีราคาแพงกว่าผ้าม่วงต่างประเทศคือผ้าหางกระรอกเป็นผ้าไหมพื้นเมืองทอมากที่ปักธงไชยโคราชจันทบุรีเชียงใหม่อุบลฯแต่คนไทยแต่ก่อนนิยมผ้าหางกระรอกน้อยกว่าเพราะแพงกว่าไม่ทนทานเท่าผ้าม่วงเซี่ยงไฮ้สีสันฉูดฉาดเอามาแต่งเข้าเป็นฟอร์มเป็นเครื่องแบบลำบากมันเตะตามั้งแต่ก็จะเก็บไว้นุ่งงานสำคัญๆออกหน้าออกตาไม่นุ่งผ้าหางกระรอกไปทำงานในชีวิตประจำวัน
ในสมัยร.3 โปรดให้นุ่งผ้าม่วงสีคราม (น้ำเงินแก่) แทนผ้าสมปักพระราชทานเข้าเฝ้าแทนได้เพราะบางคนนุ่งลากไปลากไปลากมาจนเก่าเน่าดูแล้วเศร้าใจส่วนสมัยร.5 โปรดงดผ้าสมปักให้นุ่งสีน้ำเงินแก่แทน
ขุนวิจิตรมาตราได้กล่าวถึงผ้านุ่งของคนไทยไว้ว่าผ้านุ่งถ้าทอด้วยไหมเรียกว่าผ้าไหมและผ้าไหมนี้ถ้าทอให้มีลายดอกต่างๆทั้งผืนเรียกว่าผ้าปูนแต่ถ้าเป็นผ้าเกลี้ยงๆเรียกว่า "ผ้าม่วง" ถ้าทอให้มีเชิงที่ริมผ้าเป็นลายต่างๆเรียกว่า "ม่วงเชิง"
จาก
www.postjung.comwww.weddinginlove.com