ประวัติฝรั่งฝรั่งเป็นพืชที่มีจุดกำเนิดอยู่ในอเมริกากลางและหมู่เกาะอินดีสต์ตะวันตก หลักฐานทางโบราณคดีในเปรูชี้ให้เห็นว่า มีฝรั่งมาตั้งแต่ 800 ปีก่อนครืสตกาล พ่อค้าชาวสเปนและโปรตุเกสเป็นผู้นำผลไม้ชนิดนี้ไปยังถิ่นต่างๆทั่วโลก เข้ามาถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เมื่อราวคริสต์ศตวรรษที่ 17 ส่วนในประเทศไทย คาดว่าเข้ามาในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
(ภาพดอกฝรั่ง)ที่มาของคำว่าฝรั่งที่ใช้เรียกชาวตะวันตกผิวขาว1. อาจมาจากคำว่า Français (ฟรองเซ่) ต่อมาเพี้ยนเป็นคำว่า ฝรั่งเศส ต่อมาจึงเหมารวมชาวตะวันตกผิวขาวว่าฝรั่งซะเลย
2. ชาวอินเดีย (ประเทศอินเดียอย่าสับสนกับทวีปอเมริกาล่ะ) เรียกชาวยุโรปไม่ว่าชนชาติใดๆ ว่า ฟรังคีส สันนิษฐานเอาว่าชาวสยาม อาจจะเรียกชาวยุโรปตามอินเดีย โดยย่อให้เหลือแต่คำว่า ฝรั่ง ก็ได้
3. คำว่า ฝรั่ง กล่าวกันว่าพวกแขกอาหรับเป็นผู้เรียกขึ้นก่อนเพราะได้รู้จักติดต่อกันมานาน โดยเรียกเพี้ยนมาจากคำว่า แฟรงก์ Frank ซึ่งเป็นชาวยุโรปโบราณมีชื่อเสียงมาก ชาวสยามในสมัยกรุงศรีอยุธยาได้คำว่าฝรั่ง หรือ ฝารั่ง ต่อมาจากชาวเปอร์เซีย หรือใช้เรียกชาวคริสต์ว่า ฟะรั่งดี (บ้างว่าได้จากอินเดีย) ซึ่งเรียกเพี้ยนต่อๆกันมา ตามความถนัดของลิ้นอีกทอดหนึ่ง
ประโยชน์ของฝรั่งชาวยุโรปนิยมบริโภคฝรั่งสุก โดยนำไปทำพายและขนมได้หลายชนิด สาวนชาวเอเชียนิยมบริโภคฝรั่งแก่จัดแต่ยังไม่สุก และนำไปแปรรูป เช่นทำเป็นฝรั่งดอง ฝรั่งแช่บ๊วย นอกจากนั้น ฝรั่งยังมีฤทธิ์เป็นยาสมุนไพร ใบฝรั่งใช้ดับกลิ่นปาก น้ำต้มใบฝรั่งสด มีฤทธิ์ทางด้านป้องกันลำไส้อักเสบ ท้องเสีย ใช้ทาแก้ผื่นคัน พุพองได้ น้ำต้มผลฝรั่งตากแห้ง มีฤทธิ์แก้คออักเสบ เสียงแห้ง ชาวอินเดียใช้ใบรักษาแผลและแก้ปวดฟัน ในฟิลิปปินส์ใช้ใบแก้เหงือกยวมและท้องเดิน เปลือกต้นฝรั่งใช้ทำสีย้อมผ้าสารสกัดใบฝรั่งด้วยเอธานอลความเข้มข้น 62.5 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตรยับยั้งการเจริญของ Aeromonas hydrophila ในอาหารเลี้ยงเชื้อได้ เมื่อนำสารสกัดจากใบฝรั่งไปผสมในอาหารปลาในอัตราส่วน 1:24 (w/w)ทำให้ปลานิลตายเนื่องจากการติดเชื้อ A. hydrophila น้อยลง
จากth.wikipedia.org
sixtyfive-thirtysix.exteen.com
siweb.dss.go.th
wwwchem.uwimona.edu.jm
www.arukithai.com