Admin Admin
จำนวนข้อความ : 448 Join date : 20/10/2012 ที่อยู่ : ถนนเจริญยาก ไม่มีรถเมล์ แถมอยู่ที่ Landlocked
| เรื่อง: ลิ้นจี่ผลไม้ภาคใต้ของจีน Sun Nov 25, 2012 11:15 am | |
| ภาพมณฑลกวางตุ้งและฝูเจียนอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ในแผนที่นี่ติดทะเลประวัติลิ้นจี่ลิ้นจี่ (荔枝 : lì zhī ลี่จือ) เป็นผลไม้ที่ถิ่นกำเนิดทางตอนใต้ของประเทศจีนแถบมณฑลกวางตุ้งและมณฑลฝูเจี้ยน ลิ้นจี่เป็นผลไม้กึ่งเมืองร้อนเมืองหนาว ลิ้นจี่มีพันธุ์ประมาณ 30-40 พันธุ์ กวีเอกสมัยราชวงศ์ถังชื่อ ป๋ายจีอี้ เคยเขียนไว้ว่า “ถ้าลิ้นจี่ถูกเด็ดจากต้น 1 วัน เปลือกจะเปลี่ยนสี 2 วัน กลิ่นหอมก็จะเปลี่ยน 3 วัน รสชาติก็เปลี่ยนไป และหลังจาก 4-5 วัน ทั้งสี กลิ่น และรสก็จะเปลี่ยนไปหมดสิ้น” เคยมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับความอร่อยของลิ้นจี่ ทำให้ฮ่องเต้ในประวัติศาสตร์จีนหลายสมัยต้องมีคำสั่งให้ม้าเร็วห้อม้านำลิ้นจี่สดในกระบอกไม้ไผ่จากทางภาคใต้ของจีนไปถวายพระสนม เช่น พระสนมหยางกุ้ยเฟยซึ่งเป็นพระสนมของจักรพรรดิถังเสวียนจง ทรงบัญชาให้ทหารม้านำลิ้นจี่จากแหล่งปลูกทางตอนใต้ของจีน เดินทางข้ามวันข้ามคืนมาถวายที่ปักกิ่ง โดยเป็นคำสั่งด่วนทางราชการ ส่วนการปลูกลิ้นจี่ในสยามนั้น ไม่มีหลักฐานยืนยันว่ามีการปลูกลิ้นจี่ตั้งแค่เมื่อใด แต่มีการบันทึกถึงลิ้นจี่ในหนังสือของชาวฝรั่งเศสในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.4 เมื่อปี พ.ศ. 2397 พระบรมสาทิสลักษณ์ของพระสนมหยางกุ้ยเฟยเรื่องสุขภาพการทานลิ้นจี่1. ผู้ที่ยีนบกพร่อง คือ มีอาการ เวียนหัว ตาลาย มีเสียงในหู ปวดเมื่อยเอว ร้อนอุ้งเท้า ปากคอแห้ง ลิ้นแดง มีฝ้าน้อย ไม่ควรทานลิ้นจี่
2. ถ้าทานลิ้นจี่มากจะทำให้เป็น “โรคลิ้นจี่” ซึ่งมีอาการหัวใจเต้นเร็ว แขนขาไม่มีแรง มึนหัว หน้ามืดตาลาย เป็นต้น ถ้ามีอาการดังกล่าว ให้เอาเปลือกลิ้นจี่ ต้มกิน อาการก็จะหายไปประโยชน์สรรพคุณของลิ้นจี่บำรุงประสาท ป้องกันไข้หวัด ป้องกันเลือดออกตามไรฟัน แก้กระหาย บำรุงระบบการย่อยอาหาร ภาพดอกลิ้นจี่ขอขอบคุณรูปภาพและข้อมูลจากth.wikipedia.org healthdeena.blogspot.com www.doctor.co.th | |
|