Admin Admin
จำนวนข้อความ : 448 Join date : 20/10/2012 ที่อยู่ : ถนนเจริญยาก ไม่มีรถเมล์ แถมอยู่ที่ Landlocked
| เรื่อง: หลังอานหมาดี Wed Oct 31, 2012 2:20 pm | |
| “เมืองเกาะครึ่งร้อย พลอยแดงค่าล้ำ ระกำแสนหวาน หลังอานหมาดี ยุทธนาวีเกาะช้าง สุดทางบูรพา”(คำขวัญประจำจังหวัดตราด) ประวัติสุนัขไทยหลังอาน ไทยหลังอาน (Thai Ridgeback) เป็นสุนัขพันธุ์พื้นเมืองเก่าแก่ของประเทศไทย มีขนาดกลาง ขนสั้น หูตั้งเป็นรูปสามเหลี่ยม ปลายจมูกสีดำและจะงอยปากแหลมยาว หางเรียวยาวเป็นรูปดาบ ลักษณะเด่นคือมีอานซึ่งเกิดจากขนอยู่บนแนวหลัง ถิ่นกำเนิดของสุนัขพันธุ์ไทยหลังอานอยู่ในภาคตะวันออกของประเทศไทย แถบจังหวัดจันทบุรีและตราด คนพื้นบ้านใช้สุนัขพันธุ์นี้ล่าสัตว์และติดตามเกวียนเพื่อคอยระวังภัย ระบบการคมนาคมที่ยังไม่ดีในสมัยก่อนทำให้ไทยหลังอานสามารถคงลักษณะดั้งเดิมอยู่ได้นาน มาตรฐานสายพันธุ์และสีของไทยหลังอาน ปัจจุบันได้รับการยอมรับอยู่ 3 สี คือ 1. สีน้ำตาลแดง หรือ สีแดง 2. สีดำปลอด 3.สีสวาด หรือ สีกลีบบัว นอกจากนี้ยังมีสีหรือลวดลายอื่นๆ ด้วย แต่ยังไม่ได้รับการยอมรับ เช่น ลายเสือโคร่ง เป็นต้น สุนัขไทยหลังอานถือกำเนิดขึ้นมาบนโลกนี้ได้อย่างไร มีการวิเคราะห์และศึกษาจากผู้รู้คิดว่าสุนัขไทยหลังอานน่าจะมาจากสุนัขในกลุ่ม Wolf และ Jackal สุนัขไทยหลังอานเป็นสุนัขพันธุ์พื้นเมืองที่อยู่ในย่านเอเชียตะวันออกในเขตร้อน ซี่งสุนัขพื้นเมืองในเขตนี้จะดูมีลักษณะคล้ายๆ กัน เช่น สุนัขในประเทศลาว เวียดนาม กัมพูชา พม่า มาเลเซีย บางแถบของประเทศจีน สุนัขในแถบนี้จะมีกระโหลกศีรษะเป็นสามเหลี่ยมรูปลิ่ม มีกรามใหญ่ที่แข็งแรง มีหูทั้งสองข้างตั้งชัน มีเส้นหลังตรง มีหางตั้งยกขึ้นเหมือนดาบหรือเคียว แต่สุนัขไทยหลังอานจะมีลักษณะพิเศษเฉพาะคือมีขนที่เส้นหลังย้อนกลับที่เส้นกลางหลัง ที่สุนัขสายพันธุ์อื่นๆ ของประเทศต่างๆ ไม่มี และนี่จึงเป็นที่มาของสุนัขไทยหลังอาน จากงานวิจัยของร.ศ. สุรวิช วรรณไกรโรจน์ อาจารย์ประจำคณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้พบรอยเขียนภาพตามผนังถ้ำในยุคหินใหม่อายุราว 2,000 ปี ที่จังหวัดนครราชสีมาและอุทัยธานี เป็นรูปสุนัขหูตั้งหางดาบ สีพื้นยืนคู่กับพรานธนูและลายเสือ แต่ไม่พบว่ามีการบันทึกเรื่องราวของสุนัขไทยหลังอานก่อน ร.9 เพราะสมุดข่อยยุคต้นรัตนโกสินทร์ที่กล่าวถึงสุนัขมงคลก็ไม่ได้กล่าวถึงสุนัขหลังอานหรือสุนัขที่มีขนย้อนกลับบนแผ่นหลังแต่ประการใด ทั้งนี้สมุดข่อยโบราณซึ่งถูกอ้างว่ามีอายุ 300 กว่าปีมาซึ่งมีใจความว่า "สุนัขตัวมันใหญ่ มันสูงเกินสองศอก มีสีต่างๆ ไม่ซ้ำกัน มันมีขนที่หลังกลับ มันร้ายมันภักดีต่อผู้เลี้ยงมัน มันหากินขุดรูหาสัตว์เล็กๆ มันชอบตามผู้เลี้ยงไปป่าหากิน มันได้สัตว์ มันจะนำมาให้เจ้าของ ถึงต้นยางมีน้ามัน มันมีกำลังกล้าหาญไม่กลัวใคร ธาตุสีทั้งหลาย รัชตะชาด มันมีโคนหาง มันมีหางเป็นดาบชาวป่า ถ้าผู้ใดมีไว้ในครอบครองจะได้รับความภักดีจากมัน" สมุดนี้ได้ถูกนำไปให้ผู้เชี่ยวชาญภาษาโบราณของหอสมุดแห่งชาติอ่านในปี พ.ศ. 2539 แต่ไม่พบข้อความที่กล่าวอ้างแต่ประการใด ทั้งนี้ผู้วิจัยได้ศึกษางานวิจัยของนักประวัติศาสตร์ชาวซิมบับเวแล้ว ให้ข้อมูลทางพันธุศาสตร์ตั้งสมมติฐานว่าสุนัขทีมีลักษณะหลังอานซึ่งเป็นบรรพบุรุษของสุนัขพันธุ์ไทยหลังอานน่าจะถือกำเนิดขึ้นจากการกลายพันธุ์จากสุนัขพันธุ์ปกติซึ่งไม่มีอานเมื่อไม่น้อยกว่า 2,500 ปีมาแล้ว ในอาณาจักรฟูนัน แล้วสุนัขพันธุ์ดังกล่าวจึงได้ถูกเผยแพร่ไปยังอินเดียและโรดีเชียในเวลาต่อมา จนเป็นต้นกำเนิดของสุนัขหลังอานพันธุ์ Ari ของชนเผ่า Hottentot และสุนัขหลังอานพันธุ์ผสม Rhodesian ridgeback อย่างไรก็ตามสุนัขไทยหลังอานถูกจัดให้เป็นสุนัขประจำชาติไทย โดยเป็นสุนัขที่สามารถช่วยปกป้องเตือนภัย ดูแลทรัพย์สิน และช่วยยังชีพในการออกป่าล่าสัตว์ ของคนไทยมาแต่สมัยโบราณ สามารถพิสูจน์ได้ว่า สุนัขไทยหลังอานของอยู่คู่กับคนไทยมาแต่สมัยโบราณ ถ้าหากไปตามที่ชุมชนดั้งเดิมที่ยังมีการรักษาวัฒนธรรมไทยมาตั้งแต่บรรพุบุรุษ หรือ ตามพื้นที่นอกปริมณฑล เมื่อชาวบ้านเห็นสุนัขไทยหลังอาน พวกเขาจะเรียกชื่อสุนัขไทยหลังอาน กันอีกชื่อหนึ่งว่า "หมาพราน" จะเห็นได้ว่าสุนัขไทยหลังอานเราจะมีความสามารถพิเศษเฉพาะมากมาย ที่สุนัขสายพันธุ์อื่นไม่มีเหมือนหรือเปรียบเทียบได้เลยกับสุนัขไทยหลังอานของเรา ไม่ว่าจะเป็น "สายพันธุ์แท้ดั้งเดิม" ที่มีการพัฒนาด้วยตัวของมันเองมาแต่สมัยโบราณ มาจนถึงกระทั่งทุกวันนี้ ซี่งพึ่งมีคนหันมาให้ความสนใจในสุนัขไทยหลังอานและนำมาพัฒนาพันธุ์เมื่อไม่นานมานี้ จากen.wikipedia.org th.wikipedia.org | |
|